การใช้เงื่อนไขซึ่งตรงกันข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
ถาม : เงื่อนไขซึ่งตรงกันข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว หมายความว่าอย่างไร รูปกริยาของเงื่อนไขนี้ใช้ Tense อะไร
ตอบ : เงื่อนไข (หรือการสมมติ) ซึ่งตรงกันข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว (Unreal Conditions) นั้นหมายถึง “การสมมติในเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีตโน้น และผู้พูดก็ทราบดีว่าเหตุการณ์นั้นเป็นอย่างไร แต่ผู้พูดก็นำมาพูดสมมติเสียใหม่ คือสมมติให้ตรงกันข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้น” เช่นข้อความว่า......
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อวานนี้คุณยังมาไม่ถึง ดังนั้นหล่อนจึงรีบกลับไปเสีย)
ถ้าคุณไม่ได้ฆ่าน้องชายเขา คุณก็คงจะไม่ได้ติดคุก
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ คุณได้ฆ่าน้องชายเขา ดังนั้นคุณจึงต้องติดคุก)
ลักษณะเหตุการณ์ดังกล่าวมานี้เรียกว่า “การสมมติหรือเงื่อนไขซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น” รูปกริยาของเงื่อนไขนี้ใช้.....
if + Past Perfect + would have + กริยาช่องที่ 3
(หรือคำอื่นใดในทำนองเดียวกับ would เช่น should, could, might)
เช่น
if he had gone there, I would have seen him.
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ เขาไม่ได้ไปที่นั่น ดังนั้นผมจึงไม่ได้พบเขา)
The soldiers would have fought better if they had been given clear orders.
พวกทหารจะต่อสู้ได้ดีกว่านั้น ถ้าพวกเขาได้รับคำสั่งที่ชัดเจน
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ทหารต่อสู้ได้ไม่ค่อยดี อาจจะเป็นเพราะได้รับคำสั่งที่สับสน)
if Daeng had studied harder, he would not have failed.
ถ้าแดงได้เรียนอย่างจริงจังกว่านี้ เขาก็คงจะไม่สอบตก
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ แดงเรียนอย่างไม่เอาจริงเอาจัง ดังนั้นเขาจึงสอบตก)
อนึ่ง ถ้าผู้พูดต้องการให้มีความหมายถึงความต่อเนื่องจากอดีตมาถึงปัจจุบันก็อาจใช้ Past Perfect Continuous ใน if-sentence ได้ เช่น
if he had been listening carefully, he wouldn’t have misunderstood.
ถ้าเขาได้ตั้งใจฟังมาโดยตลอด เขาก็คงจะไม่เข้าใจผิด
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ เขาไม่ได้ตั้งใจฟังมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงเข้าใจผิด)
ถาม : เงื่อนไขซึ่งตรงกันข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว หมายความว่าอย่างไร รูปกริยาของเงื่อนไขนี้ใช้ Tense อะไร
ตอบ : เงื่อนไข (หรือการสมมติ) ซึ่งตรงกันข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว (Unreal Conditions) นั้นหมายถึง “การสมมติในเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นแล้วในอดีตโน้น และผู้พูดก็ทราบดีว่าเหตุการณ์นั้นเป็นอย่างไร แต่ผู้พูดก็นำมาพูดสมมติเสียใหม่ คือสมมติให้ตรงกันข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้น” เช่นข้อความว่า......
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อวานนี้คุณยังมาไม่ถึง ดังนั้นหล่อนจึงรีบกลับไปเสีย)
ถ้าคุณไม่ได้ฆ่าน้องชายเขา คุณก็คงจะไม่ได้ติดคุก
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ คุณได้ฆ่าน้องชายเขา ดังนั้นคุณจึงต้องติดคุก)
ลักษณะเหตุการณ์ดังกล่าวมานี้เรียกว่า “การสมมติหรือเงื่อนไขซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น” รูปกริยาของเงื่อนไขนี้ใช้.....
if + Past Perfect + would have + กริยาช่องที่ 3
(หรือคำอื่นใดในทำนองเดียวกับ would เช่น should, could, might)
เช่น
if he had gone there, I would have seen him.
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ เขาไม่ได้ไปที่นั่น ดังนั้นผมจึงไม่ได้พบเขา)
The soldiers would have fought better if they had been given clear orders.
พวกทหารจะต่อสู้ได้ดีกว่านั้น ถ้าพวกเขาได้รับคำสั่งที่ชัดเจน
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ ทหารต่อสู้ได้ไม่ค่อยดี อาจจะเป็นเพราะได้รับคำสั่งที่สับสน)
if Daeng had studied harder, he would not have failed.
ถ้าแดงได้เรียนอย่างจริงจังกว่านี้ เขาก็คงจะไม่สอบตก
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ แดงเรียนอย่างไม่เอาจริงเอาจัง ดังนั้นเขาจึงสอบตก)
อนึ่ง ถ้าผู้พูดต้องการให้มีความหมายถึงความต่อเนื่องจากอดีตมาถึงปัจจุบันก็อาจใช้ Past Perfect Continuous ใน if-sentence ได้ เช่น
if he had been listening carefully, he wouldn’t have misunderstood.
ถ้าเขาได้ตั้งใจฟังมาโดยตลอด เขาก็คงจะไม่เข้าใจผิด
(ความจริงที่เกิดขึ้นก็คือ เขาไม่ได้ตั้งใจฟังมาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงเข้าใจผิด)