2. Participial Phrase (วลี Participle)
ได้แก่ Phrase ที่นำหน้ากลุ่มคำด้วย Participle แบ่งออกไปอีกได้ 3 รูปคือ
1. Present Participial Phrase ได้แก่ phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยาเติม ing แล้วไปทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนาม เช่น
The gentleman crossing the street is an old friend of my father’s.
สุภาพบุรุษที่กำลังข้ามถนนอยู่นั้นคือเพื่อนเก่าของพ่อของผม
(crossing the street เป็นวลี participle ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยาย gentleman)
Bill and Mary, hoping to pass this course, are working very hard.
หรือ = Hoping to pass this course, Bill and Mary are working very hard.
บิลและแมรี่ซึ่งหวังว่าจะผ่านคอร์สนี้ จึงเรียนอย่างขมักเขม้นมาก
=เนื่องจากมีความหวังจะผ่านคอร์สนี้ บิลและแมรี่จึงเรียนอย่างขมักเขม้นมาก
(hoping to pass this course เป็นวลี participle มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยาย Bill และ Mary)
In the former time all passengers going to Udorn had to Change trains at Korat.
ในสมัยก่อนผู้โดยสารทุกคนที่จะไปอุดรต้องเปลี่ยนรถไฟที่โคราช
(going to Udorn เป็นวลี Participle ทำหน้าที่อย่างคุณศัพท์มาขยายนาม Passengers ที่อยู่ข้างหน้า) เป็นต้น
2. Past Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยาช่อง 3 (หรือพูดให้ง่ายเข้าก็คือ นำหน้าคำวลีด้วยกริยาช่อง 3) แล้วนำไปใช้อย่างคุณศัพท์เพื่อขยายนามหรือสรรพนาม เช่น
Anyone bitten by a mad dog should see a doctor at once.
ใครก็ตามที่ถูกสุนัขบ้ากัดควรพบหมอโดยเร็ว
(bitten by a mad dog เป็นวลี participle ไปทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายสรรพนาม anyone)
The jewelry stolen from our neighbor’s house was found by the police.
เครื่องเพชรพลอยที่ถูกขโมยไปจากบ้านของเพื่อนบ้านของเรานั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบแล้ว
(stolen from our neighbor’s house เป็นวลี participle ทำหน้าที่คุณศัพท์ไปขยายนาม jewelry)
President Reagan, Supported by the people, made sure that he won the election
หรือ = Supported by the people, President Reagan made sure that he won the election.
ประธานาธิบดีเรแกนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเกิดความแน่ใจว่าจะต้องชนะการเลือกตั้ง
ข้อสังเกต : วลี participle ที่ไปขยายนามที่เป็นชื่อเฉพาะ ต้องใส่เครื่องหมาย “,” (comma) หน้า-หลังด้วย
(เพราะเป็น Non-defining รายละเอียดเรื่องนี้จะกล่าวในบท Relative Clause อีกครั้งหนึ่ง)
(Supported by the people เป็นวลี Participle ทำหน้าที่อย่างคุณศัพท์ไปขยาย Regan)
3. Perfect Participial Phrase ได้แก่ phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วย having + Verb ช่อง 3 + อื่นๆ (ถ้ามี) แล้วนำไปใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามหรือสรรพนาม เช่น
Anyone having talked with him will be convinced of his innocence.
ใครก็ตามที่ได้พูดกับเขาแล้วจะต้องเชื่อในความไม่รู้ประสีประสาของเขา
(having talked with him เป็นวลี participle ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายสรรพนาม anyone)
Mr.Johnson, having been wounded in the Vietnam War, died a year later.
(เป็นรูป Passive Participle)
มร. จอห์นสันที่ได้รับบาดเจ็บในสงครามเวียดนามได้ถึงแก่กรรมเสียแล้วในหนึ่งปีต่อมา
(having been wounded in the Vietnam War เป็น วลี Participle มาเป็นคุณศัพท์ขยาย Mr.Johnson)
Many tourists having stayed in Thailand like the hospitalities of Thais.
นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ได้มาพักอยู่ในประเทศไทยชอบความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทย
(having stayed in Thailand เป็นวลี Participle ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยาย tourists)
ได้แก่ Phrase ที่นำหน้ากลุ่มคำด้วย Participle แบ่งออกไปอีกได้ 3 รูปคือ
1. Present Participial Phrase ได้แก่ phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยาเติม ing แล้วไปทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนาม เช่น
The gentleman crossing the street is an old friend of my father’s.
สุภาพบุรุษที่กำลังข้ามถนนอยู่นั้นคือเพื่อนเก่าของพ่อของผม
(crossing the street เป็นวลี participle ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยาย gentleman)
Bill and Mary, hoping to pass this course, are working very hard.
หรือ = Hoping to pass this course, Bill and Mary are working very hard.
บิลและแมรี่ซึ่งหวังว่าจะผ่านคอร์สนี้ จึงเรียนอย่างขมักเขม้นมาก
=เนื่องจากมีความหวังจะผ่านคอร์สนี้ บิลและแมรี่จึงเรียนอย่างขมักเขม้นมาก
(hoping to pass this course เป็นวลี participle มาทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยาย Bill และ Mary)
In the former time all passengers going to Udorn had to Change trains at Korat.
ในสมัยก่อนผู้โดยสารทุกคนที่จะไปอุดรต้องเปลี่ยนรถไฟที่โคราช
(going to Udorn เป็นวลี Participle ทำหน้าที่อย่างคุณศัพท์มาขยายนาม Passengers ที่อยู่ข้างหน้า) เป็นต้น
2. Past Participial Phrase ได้แก่ Phrase ที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยาช่อง 3 (หรือพูดให้ง่ายเข้าก็คือ นำหน้าคำวลีด้วยกริยาช่อง 3) แล้วนำไปใช้อย่างคุณศัพท์เพื่อขยายนามหรือสรรพนาม เช่น
Anyone bitten by a mad dog should see a doctor at once.
ใครก็ตามที่ถูกสุนัขบ้ากัดควรพบหมอโดยเร็ว
(bitten by a mad dog เป็นวลี participle ไปทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายสรรพนาม anyone)
The jewelry stolen from our neighbor’s house was found by the police.
เครื่องเพชรพลอยที่ถูกขโมยไปจากบ้านของเพื่อนบ้านของเรานั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบแล้ว
(stolen from our neighbor’s house เป็นวลี participle ทำหน้าที่คุณศัพท์ไปขยายนาม jewelry)
President Reagan, Supported by the people, made sure that he won the election
หรือ = Supported by the people, President Reagan made sure that he won the election.
ประธานาธิบดีเรแกนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเกิดความแน่ใจว่าจะต้องชนะการเลือกตั้ง
ข้อสังเกต : วลี participle ที่ไปขยายนามที่เป็นชื่อเฉพาะ ต้องใส่เครื่องหมาย “,” (comma) หน้า-หลังด้วย
(เพราะเป็น Non-defining รายละเอียดเรื่องนี้จะกล่าวในบท Relative Clause อีกครั้งหนึ่ง)
(Supported by the people เป็นวลี Participle ทำหน้าที่อย่างคุณศัพท์ไปขยาย Regan)
3. Perfect Participial Phrase ได้แก่ phrase ที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วย having + Verb ช่อง 3 + อื่นๆ (ถ้ามี) แล้วนำไปใช้เป็นคุณศัพท์ขยายนามหรือสรรพนาม เช่น
Anyone having talked with him will be convinced of his innocence.
ใครก็ตามที่ได้พูดกับเขาแล้วจะต้องเชื่อในความไม่รู้ประสีประสาของเขา
(having talked with him เป็นวลี participle ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยายสรรพนาม anyone)
Mr.Johnson, having been wounded in the Vietnam War, died a year later.
(เป็นรูป Passive Participle)
มร. จอห์นสันที่ได้รับบาดเจ็บในสงครามเวียดนามได้ถึงแก่กรรมเสียแล้วในหนึ่งปีต่อมา
(having been wounded in the Vietnam War เป็น วลี Participle มาเป็นคุณศัพท์ขยาย Mr.Johnson)
Many tourists having stayed in Thailand like the hospitalities of Thais.
นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ได้มาพักอยู่ในประเทศไทยชอบความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทย
(having stayed in Thailand เป็นวลี Participle ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ขยาย tourists)